ศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

ศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงเป็นการทำศัลยกรรมใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งเรื่องของความสมดุลของร่างกาย การผลิตฮอล์โมนของร่างกาย ซึ่งต้องมีการกินฮอร์โมนทดแทนถือเป็นเรื่องปกติสำหรับการทำศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง โดยปัจจุบันโลกมีเพศทางเลือกมากขึ้น การผ่าตัดแปลงเพศก็ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวของบุคคลรู้สึกและได้รับการเติมเต็มทางร่างกายและจิตใจให้ตรงกับเพศที่ตนเลือกได้

http://www.sexchangesurgery.info/wp-content/uploads/2020/09/%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A81-370x278.jpg

 

คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ

  1. ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ หากน้อยกว่า 20 ปี ต้องมีจดหมายรับรองจากผู้ปกครองในการยินยอมเรื่องการผ่าตัดแปลงเพศ
  2. ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องได้รับฮอร์โมนเพศหญิงติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี
  3. มีความรู้สึกเป็นผู้หญิงมานานแล้ว
  4. ใช้ชีวิตแบบผู้หญิงมาไม่น้อยกว่า 2 ปี
  5. รังเกียจอวัยวะเพศของตนเอง คิดว่าเป็นส่วนเกิน
  6. ได้รับการประเมิณสภาพจากจิตแพทย์ และได้รับการรับรองจากจิตแพทย์ ว่าอยู่ในสภาวะที่เหมาสมที่จะทำการผ่าตัดแปลงเพศ
  7. ร่างกายจะต้องแข็งแรง

การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงมีวิทยาการทางการแพทย์มาอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น มีเทคนิคและกระบวนการผ่าตัดที่ตอบโจทย์และสามารถใช้งานได้จริง โดยเทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศชายกลายเป็นหญิง มี 3 วิธี คือ

  1. การแปลงเพศชายเป็นหญิงโดยใช้ผิวหนังอวัยวะเพศชาย

การนำเอาผิวหนังของอัวยวะเพศชาย สอดกลับเข้าไปตกแต่งทำเป็นช่องคลอด วิธีที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน ภาวะแทรกซ้อนต่ำ แพทย์ส่วนใหญ่นิยมกัน ข้อเสียไม่เหมาะกับผู้ที่มีอวัยวะสั้นกว่า 4 นิ้ว เพราะจะทำให้ช่องคลอดไม่ลึก ระยะยาวหนังหุ้มช่องคลอดมักจะย้อยออกมา

  1. การแปลงเพศชายเป็นหญิงโดยใช้ผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับผิวของถุงอัณฑ์

สร้างช่องคลอดโดยใช้ผนังหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับผิวหนังจากถุงอัณฑะ หรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด เพื่อเพิ่มความลึกของช่องคลอด ให้ได้ตามที่ต้องการและเพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนผิวหนังส่วนอื่นศัลยแพทย์อาจจะพิจารณานำผิวหนังจากที่อื่นๆเช่น ขาหนีบ หน้าท้อง ต้นขา มาเพิ่มเป็นผนังช่องคลอดให้ความลึกเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก

  1. การแปลงเพศชายเป็นหญิงโดยใช้ผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับลำใส้ใหญ่

สร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับลำไส้ใหญ่ ทำเป็นผนังช่องคลอด เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นผู้หญิง เพราะลำไส้ใหญ่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ และได้ช่องคลอดที่ลึกกว่า 2 วิธีแรก มีผิวสัมผัสเรียบ ไม่หยาบ และไม่มีขน โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่มาต่อกับผิวหนังของอวัยวะชาย เพื่มเพิ่มความลึกของช่องคลอด

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดแปลงเพศ

  1. ต้องเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อแพทย์ที่ทำการผ่าตัดจะได้ทราบถึงสภาพความพร้อม ของร่างกาย
  2. ควรหยุดยาฮอร์โมนล่วงหน้า 1 เดือน
  3. งดวิตามิน อาหารเสริม 2 สัปดาห์
  4. งดสูบบุหรี่ 1 เดือน และงดแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์
  5. ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย 2-3 วัน เพื่อให้ภายในลำไส้มีการตกค้างของกากอาหารน้อยลงก่อนการเข้ารับการผ่าตัด

การดูแลหลังการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง

1.หลังการผ่าตัดจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 5-7 วัน เพื่อจะได้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยคนไข้ต้องปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัด

2.หลังผ่าตัดในระยะแรก ควรนอนในท่าที่ขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน โดยอาจใช้ผ้าห่มหรือหมอนกั้นกางไว้ เพื่อไม่ให้แผลผ่าตัดถูกกดทับ

3.ทาขึ้ผึ้งรักาบริเวณแผล รูเปิดท่อปัสสาวะ และคลิทอริสทุกครั้งหลังอาบน้ำ

4.การป้องกันไม่ให้ช่องคลอดตีบตัน ด้วยการใส่วัสดุขยายช่องคลอดเทียม โดยเริ่มจากขนาดเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มความกว้างและความยาวตามลำดับ พยายามรักษาความลึกของช่องคลอดเทียม ในช่วง 3       สัปดาห์แรก สอดวัสดุขยายคาไว้ในช่องคลอด ครั้งละ 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง หลังจากผ่าน 3 สัปดาห์ไปแล้ว ให้ใช้วัสดุขยายช่องเทียมที่ใหญ่ขึ้น และให้ทำการสอดเข้า- ออก เหมือนลักษณะการมีเพศสัมพันธ์

5.ควรปฎิบัติทุกวัน ทำต่อเนื่อง ประมาณ 6 เดือน หลังจาก 6 เดือนให้ขยายช่องคลอดวันละ 1 ครั้งจนครบ 1 ปี เพื่อไม่ให้ช่องคลอดเทียมตีบแคบ ซึ่งสามารถมีเพศสัมพัธ์ได้หลังการผ่าตัดประมาณ 2-3เดือน