เทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศในปัจจุบันมีความทันสมัย ปลอดภัย และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถผ่าตัดตกแต่งอวัยวะเพศหญิงให้ได้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ จนบางครั้งแทบแยกไม่ออกเลยว่าได้ผ่านการแปลงเพศมาก่อน
สิ่งที่ต้องทำก่อนการรับการแปลงเพศ
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแปลงเพศโดยเฉพาะก่อน เพื่อศึกษาขั้นตอนและผลการรักษาอย่างละเอียด
- เข้าพบจิตแพทย์เพื่อพิจารณาสภาพจิตใจของผู้ที่ต้องการแปลงเพศอย่างละเอียด และทำให้มั่นใจว่าจิตใจพร้อมจริงๆ ที่จะแปลงเพศ และจะไม่เปลี่ยนใจกลับมาเป็นเพศเดิมในภายหลัง
คุณสมบัติของผู้ที่ต้องการแปลงเพศ
- อายุ 20 ปีขึ้นไป หากมีอายุน้อยกว่า 20 ปี ต้องมีจดหมายยินยอมจากผู้ปกครอง
- มีความรู้สึกเป็นหญิงมานาน และใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงติดต่อกันเป็นระยะที่ยาวนานมากกว่า 1 ปี
- รู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศชายชองตนเอง
- เคยได้รับฮอร์โมนเพศหญิงมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชนิดรับประทานหรือฉีด อย่างน้อย 1 ปี
- คนรอบข้างยอมรับในสิ่งที่คุณเป็นได้ และตัวคุณเองมีความสุขโดยไม่มีความกดดันใดๆ
เทคนิคในการทำศัลยกรรมแปลงเพศจากชาย เป็นหญิง มี 3 แบบ
- Penile Skin Inversion สร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชาย
- Penile Skin Inversion + Scrotal Skin Graft สร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับผิวของถุงอัณฑะ
- Sigmoid Colon + Penile Skin Inversion การสร้างช่องคลอดจากผิวหนังอวัยวะเพศชายร่วมกับลำไส้ใหญ่
การเลือกว่าเทคนิคไหนเหมาะสม สามารถตัดสินใจโดยเช็คจากความยาวองคชาติในระหว่างแข็งตัว
- ยาวมากกว่า 6 นิ้ว
o สามารถแปลงเพศแบบปกติ ซึ้งหลังทำการผ่าตัด สามารถทำช่องคลอดเทียมได้ลึกกว่า 6 นิ้ว
- ยาวปานกลาง 2 – 6 นิ้ว
o สามารถแปลงเพศแบบปกติ ได้ โดยใช้เทคนิค Scrotal Skin graft ร่วมด้วย ซึ้งหลังทำการผ่าตัด สามารถทำช่องคลอดเทียมได้ลึกกว่า 4-6 นิ้ว
- สั้นกว่า 2 นิ้ว
o แนะนำให้แปลงเพศด้วยการใช้ลำไส้ร่วมด้วย จะทำให้สามารถ สร้างช่องคลอดเทียมได้ลึกมากกว่า 6 นิ้ว
การเตรียมตัวก่อน ผ่าตัดแปลงเพศ
- ต้องเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อแพทย์ที่ทำการผ่าตัดจะได้ทราบถึงสภาพความพร้อมของร่างกาย
- หากรับประทานยาชนิดใดอยู่ ควรแจ้งให้แพทย์ที่ทำการผ่าตัดทราบ เพื่อแนะนำว่าควรหยุดยาหรือเปลี่ยนแปลงตัวยาก่อนเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่
- ควรหยุดใช้ยาฮอร์โมนล่วงหน้า 1 เดือน
- งดวิตามิน อาหารเสริม 2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ 1 เดือน
- งดแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์
- ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย 2-3 วัน เพื่อให้ภายในลำไส้มีการตกค้างของกากอาหารน้อยลง ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศ
- เป็นการผ่าตัดโดยการให้ยาสลบโดยวิสัญญีแพทยย์
- ทำการสร้างช่องคลอดใหม่โดยเจาะบริเวณกล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างทวารหนักกับท่อปัสสาวะ โดยมีลึกประมาณ 6-7 นิ้ว
- นำผิวหนังจากบริเวณองคชาตเดิมหรือจากถุงอัณฑะ ไปสร้างเป็นผนังช่องคลอดก็จะได้ช่องคลอดใหม่เกิดขึ้น เหมือนผู้หญิง
- เก็บเส้นประสาทรับความรู้สึกทางเพศ เพื่อเตรียมทำปุ่มรับความรู้สึกทางเพศ (Clitoris)แล้วตัดแกนองคชาตออก
- ตัดท่อปัสสาวะเพศชายให้สั้นลง แล้วตกแต่งให้สามารถปัสสาวะพุ่งลงเหมือนผู้หญิง ถ้าทำการผ่าตัดไม่ดี เวลานั่งปัสสาวะอาจจะพุ่งขึ้นมาได้
- ตกแต่งบริเวณภายนอกได้แก่ แคมนอก (Major Labia) แคมใน (Minor Labia) ท่อปัสสาวะและปุ่มรับความรู้สึกทางเพศ (Clitoris) ให้สวยงามเหมือนอวัยวะเพศหญิงที่สมบรูณ์ และยังคงมีความรู้สึกทางเพศอยู่เหมือนเดิม
การดูแลหลังการผ่าตัดแปลงเพศ
- หลังการผ่าตัดจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 5-7 วัน เพื่อดูแลแผลอย่างใกล้ชิด
- ลดอาหารที่มีกากและเครื่องดื่มประเภทนมที่อาจทำให้มีกากและเกิดการขับถ่ายมาก ในช่วง 2 วันหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณแผล
- ทำความสะอาดช่องคลอดด้วยน้ำยาป้องกันและฆ่าเชื้อโรค หรือน้ำเกลือล้างแผล วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น และวันละ 1 ครั้ง หลัง 1 เดือน จนประมาณ 6 เดือน
- ทาขี้ผึ้งรักษาที่บริเวณแผล รูเปิดท่อปัสสาวะ และคลิทอริสทุกครั้งหลังอาบน้ำ
- หลังผ่าตัดในระยะแรก ควรนอนในท่าที่ขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน โดยอาจใช้ผ้าห่มหรือหมอนกั้นกางไว้ขณะที่หลับ เพื่อไม่ให้แผลผ่าตัดถูกกดทับ
- สามารถลุกเดินได้หลังผ่าตัด 5 วัน
- ใส่วัสดุขยายช่องคลอดเทียมหรือใช้นิ้วมือ 2 นิ้ว สวมถุงยางอนามัยหล่อลื่นด้วยขี้ผึ้ง ป้องกันช่องคลอดตีบตันในช่วง 3 สัปดาห์แรกโดยสอดค้างไว้ครั้งละ 1 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง
- หลังจาก 3 สัปดาห์ เพิ่มขนาดวัสดุขยายช่องคลอดที่ใหญ่ขึ้นและสอดใส่ในลักษณะสอดเข้า ดึงออก เหมือนกับการมีเพศสัมพันธ์ อาจจะเจ็บบ้างในช่วงแรก แต่อาการเจ็บจะหายไปเอง ช่วงนอนหลับให้สอดแท่งขยายคาไว้จะดีที่สุด ทำทุกวันต่อเนื่อง 6 เดือน
- หลัง 6 เดือน ให้ขยายช่องคลอดวันละ 1 ครั้งจนครบ 1 ปี เพื่อไม่ให้ช่องคลอดตีบแคบแล้วจะแก้ยากในภายหลัง
- มีเพศสัมพันธ์ได้หลังผ่าตัดประมาณ 2 เดือน ถ้ามีเพศสัมพันธ์ก่อนอาจทำให้แผลฉีกได้
- หากเกิดความผิดปกติต่างๆ เช่น ภาวะปัสสาวะขัดหรือปัสสาวะไม่ค่อยออก ที่อาจเกิดจากท่อปัสสาวะตีบ, ช่องคลอดตีบ, ปากช่องคลอดหดแคบ, แผลผ่าตัดแยก หรือเจ็บที่อวัยวะเพศมาก แนะนำให้มาพบแพทย์
ความเสี่ยงในการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
- อาจเกิดเนื้อเยื่อตายบริเวณช่องคลอดและเนื้ออวัยวะเพศหญิงที่สร้างขึ้นใหม่ จากเนื้อองคชาตและถุงอัณฑะ
- อาจเกิดท่อปัสสาวะแคบและอุดตันทางเดินปัสสาวะ
- อาจเกิดแผลทะลุ หรือเนื้อเยื่อทะลุบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ หรือช่องคลอด
ระยะเวลาพักฟื้น
คนไข้จะใช้เวลาพักฟื้นโดยประมาณ 3 ถึง 5 อาทิตย์จึงกลับไปทำงานได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ก่อนการผ่าตัดแปลงเพศควรถามตนเองให้มั่นใจก่อนว่าต้องการหรือไม่โดยการเข้าพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษา เพราะถ้าหากดำเนินการแล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นดังเดิมได้