การปลูกผม เป็นหนึ่งในการศัลยกรรมผิวหนังเพื่อแก้ไขปัญหาศีรษะล้าน ซึ่งแก้ปัญหาได้จริง แต่ไม่ใช้ทุกคนที่สามารถทำได้ โดยการนำเอาผมของตนเองมาใช้ในการปลูกผม ไม่มีการใช้ผมสังเคราะห์หรือของผู้อื่นเหมือนการปลูกถ่ายอวัยวะ หลังการปลูกผมแล้ว เส้นผมของคุณสามารถขึ้นได้และยาวเหมือนปกติ จะอยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต
สาเหตุของผมบาง ศีรษะล้าน
ผมร่วงอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ ภาวะหลังคลอดบุตร หลังการมีไข้สูง การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก การใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง โรคผิวหนังบางชนิด โรคจิตประเภทที่ชอบถอนผมตัวเอง มะเร็งรังไข่ที่ผลิตฮอร์โมนเพศชาย แต่สาเหตุเหล่านี้พบได้น้อยกว่า 5 % ของศีรษะล้าน
สาเหตุที่พบมากที่สุดได้แก่กรรมพันธุ์ ซึ่งพบมากกว่า 95% ของสาเหตุทั้งหมด ส่วนประเด็นอื่นๆที่มีคนพูดถึงเช่นการที่มีรูขุมขนอุดตันการสระผมบ่อยครั้งหรือการใส่หมวกกันน็อคนานจึงไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของผมร่วงศีรษะล้านเลย
- สำหรับผู้ชายจะเกิดจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ซึ่งถูกเปลี่ยนไปเป็น Dihydrotestosterone (DHT) เนื่องจากยีนศีรษะล้านเป็นยีนเด่นจึงอาจจะมาทางคุณพ่อหรือคุณแม่ก็ได้ อาการผมร่วงจะเริ่มเมื่อพ้นช่วงวัยรุ่นไปแล้วโดยที่ผมด้านหน้า และด้านบนของศีรษะจะเริ่มเป็นเส้นเล็กลงและบาง จนกระทั่งหลุดไปแล้วไม่ขึ้นมาอีก ทั้งนี้เนื่องจากเซลล์สร้างผม (รากผม) เสื่อมสภาพและตายไป แต่รากผมบริเวณท้ายทอยและด้านข้างจะไม่ได้ถูกทำลายโดย DHT จึงจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต จึงสามารถนำมาใช้ในการปลูกผมได้ผลดี
- สำหรับผู้หญิงรูปแบบของผมบางศีรษะล้านจะต่างไป โดยจะมีผมบางตรงกลางศีรษะเท่านั้นส่วนแนวผมด้านหน้ายังดีอยู่ไม่เว้าเข้าไปเหมือนของผู้ชาย ถึงแม้ส่วนน้อยจะพบว่าบางคนอาจมีศีรษะเถิกได้
ข้อควรทราบ
การทำศัลยกรรมปลูกผม ไม่ใช่การเพิ่มจำนวนเส้นผมให้มากขึ้นแต่เป็นการย้ายเซลล์ผมจากด้านหลังมาปลูกด้านหน้าแทนเท่านั้น
- การปลูกเซลล์รากผม ไม่ใช่การทำ Stem cell
- การทำศัลยกรรมปลูกผมไม่ใช้การแก้ที่ต้นเหตุแต่ช่วยปรับภาพลักษณืของเราให้ดีขึ้น ดังนั้นควรกินยาประกอบเพื่อที่ช่วยเร่งให้ผมเติบโตไวขึ้น
- การปลูกผมนั้นจะทำแค่ 40-50% ของผมธรรมชาติ เพราะ โอกาสรอดของเซลล์เส้นผมจะสูงกว่า และหากทำการปลูกหนาแน่นเกินไป เลือดจะมาเลี้ยงเซลล์เส้นผมไม่เพียงพอ และจะทำให้เซลล์เส้นผมบางส่วนตายได้ ทั้งนี้หากคนไข้ต้องการความหนาแน่นของเส้นผมมากๆ แนะนำให้มาทำซ้ำในบริเวณเดิม (มากกว่าที่จะพยายามทำจำนวนมากในครั้งเดียว)
- การปลูกผม ช่วง 2 เดือนแรกผมที่ปลูกจะร่วง จนเหมือนก่อนผ่าตัดซึ่งเป็นปกติ จากนั้นเซลล์ผมจะทำงานตามธรรมชาติ และจะงอกใหม่จนขึ้นประมาณ 80% ในเดือนที่ 6-9 และจะขึ้นเต็มที่ ในระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน
วิธีการปลูกถ่ายเซลล์รากผมมีทั้งหมด 2 แบบ
1.การปลูกผมด้วยวิธีผ่าตัดแบบแผง Strip Harvesting [Known as FUT]
เป็นการผ่าตัดมาตรฐานที่ใช้มากกว่า 90% โดยตัดหนังศีรษะที่ท้ายทอยเป็นแผงออกมาจากบริเวณท้ายทอย แล้วทำการแยกเฉพาะรากผมที่ต้องการ โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ จนได้หน่วยรากผมที่เล็กที่สุดที่สามารถนำไปปลูกได้
Strip Harvesting [Known as FUT]
เมื่อนำรากผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการแล้ว ผมจะเข้าสู่ระยะพัก [Telogen phase] โดยจะปลิดร่วงไปก่อนในระยะเวลา 3 สัปดาห์ รากจะพักไม่ผลิตเส้นผมเป็นเวลาประมาณ 3-4 เดือน แล้วจึงเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตใหม่ [Anagen phase] ดังนั้นผู้ที่รับการปลูกถ่ายรากผมจะสังเกตเป็นผมขึ้นหลังจากผ่าตัดประมาณ 3-4 เดือน โดยเมื่อแรกจะขึ้นมาเป็นขนอ่อนๆ แล้วค่อยๆ พัฒนาเติบโตขึ้นเป็นผมเส้นโตแข็งแรง ทั้งหมดใช้ระยะเวลาประมาณ 10-12 เดือนเพื่อเห็นผลการรักษา วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้มากที่สุด เนื่องจากกราฟท์หรือรากผมที่ได้จะเป็นกราฟท์ที่มีคุณภาพมากที่สุด มีการเสียหายบอบช้ำจากการผ่าตัดน้อยที่สุด เมื่อนำมาปลูกก็จะได้ผลหรือโอกาสรอดของรากผมมากที่สุดเกือบ 100% แต่ข้อเสียของวิธีการนี้คือมีแผลเป็นยาวที่ท้ายทอย ซึ่งบางกรณีถ้าแผลใหญ่มากก็จำเป็นที่จะต้องไว้ผมให้ยาวเพียงพอที่จะปกปิด อีกทั้งยังต้องการการพักฟื้นพอสมควรประมาณ 1 สัปดาห์ จึงได้เกิดการพัฒนาเทคนิคทางเลือกที่ใช้การเจาะเอารากผมขึ้นมาทีละหน่วย ทำให้แผลเป็นน้อยลง พักฟื้นเร็วขึ้น
ข้อดีของ FUT
- เป็นแผลแบบปิดโอกาสติดเชื้อ น้อยกว่า 1 %
- กราฟได้รับการแยกโดยกล้องจุลทรรศน์ ทำให้สามารถระวังในการคัดแยกกราฟได้ดี กราฟบอบช้ำน้อย และเนื้อเยื้อของกราฟที่ได้ค่อนข้างมาก
- ใช้ระยะเวลาในการทำเมื่อเทียบกับจำนวนกราฟแล้วใช้เวลาสั้นกว่า
- สามารถทำได้ครั้งละมากๆ เช่น เกิน 2,500 กราฟขึ้นไป
- สามารถไว้ผมยาวปิดแผลได้ เพราะบริเวณด้านหลังจะโกนผมออกเล็กน้อย เฉพาะบริเวณที่นำชิ้นเนื้อออกมา
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเป็นบริเวณกว้าง
- ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างชัดเจนเห็นผลจริงถึง 99%
- สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถาวรแม้ผู้ที่มีปัญหา ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์
ข้อเสียของ FUT
- แผลเป็นมีลักษณะเป็นแนวยาว
- ต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญจำนวนมาก โดยเฉลี่ย 6 – 8 คน/ผู้รับบริการ 1 คน
การปลูกผมด้วยวิธีการเจาะหรือ Follicular unit extraction [FUE]
เมื่อการผ่าตัดตามปกติมีข้อเสียคือแผลเป็นยาว เทคนิคการเจาะเอารากผมเพื่อไปใช้ปลูกจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น วิธีการคือใช้หัวเจาะขนาดเล็กที่มีความคมเจาะเอารากผมขึ้นมาโดยต้องใช้เทคนิคที่ดีและความละเอียดประณีตอย่างมาก เนื่องจากการเจาะลงไปถ้าไม่ชำนาญจะทำให้หัวเจาะไปตัดรากผมขาดได้ การผ่าตัดแบบเจาะจึงต้องใช้ฝีมือและเวลาในการผ่าตัดนานกว่า รากผมที่ได้จะมีความชอกช้ำมากกว่าการผ่าตัดแบบมาตรฐานเมื่อนำไปปลูกโอกาสงอกขึ้นใหม่จึงน้อยกว่าประมาณ 10-15% เมื่อเทียบกับวิธีมาตรฐาน บวกกับค่าใช้จ่ายก็มากกว่าเพราะทำได้ยาก ใช้เวลานาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีการพัฒนาแขนกลหรือโรบอทเพื่อช่วยให้การผ่าตัดง่ายขึ้นแต่ทักษะของผู้ใช้เครื่องมือก็ยังมีความสำคัญอยู่มาก อย่างไรก็ตามการใช้วิธีเจาะนี้มีข้อดีในเรื่องของแผลเป็นที่บริเวณท้ายทอยเพราะแผลที่เหลืออยู่จะเป็นแผลเล็กๆ ขนาดเท่ารูขุมขน แม้จะตัดผมสั้นมากก็ยังไม่เห็นแผล และการพักฟื้นหลังผ่าตัด การปวดแผลน้อยกว่าวิธีมาตรฐานมาก
ข้อดีของ FUE
- วิธีปลูกผมแบบ FUE เป็นวิธีปลูกผมแบบใหม่ มีข้อดีคือหลัง ปลูกผม คนไข้อาจจะรู้สึกเจ็บแผลด้านหลังน้อยกว่าเพราะไม่ได้ตัดชิ้นเนื้อออกมาและไม่รู้สึกตึงหนังศีรษะ เหมือนวิธี FUT
- วิธีปลูกผมแบบ FUE เหมาะกับการปลูกผมที่ใช้จำนวนกอผม(กราฟ)ไม่มากนัก และสามารถเลือกเอาเส้นผมที่มีขนาดเล็กมาปลูกได้ จึงเหมาะกับการปลูกคิ้ว ปลูกขนตา จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- วิธี FUE สามารถนำขนจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หนวด เครา ขนหน้าอก ขนแขน ขนหน้าแข้ง ฯลฯ มาปลูกที่ศีรษะได้ แต่ก็มีข้อที่ควรคำนึงถึงก็คือ ขนที่นำมาปลูกมีลักษณะหยิก และไม่งอกยาวเหมือนเส้นผมที่หนังศีรษะ จึงอาจดูไม่เป็นธรรมชาติ และยากที่จะกำจัดหรือแก้ไข
ข้อเสียของ FUE
- รากผมที่ดึงออกจากหนังศีรษะ อาจจะขาดและไม่สมบูรณ์ ทำให้การขึ้นของผมไม่ดีเท่าวิธี FUT ยิ่งในคนที่มีเส้นผมหยิก รากผมจะโค้งงอ คนหนังศีรษะตึง ฯลฯ การปลูกผมแบบ FUEจะยิ่งทำให้รากผมมีโอกาสขาดมากขึ้น
- การปลูกผมแบบ FUE ใช้เวลาค่อนข้างมาก ทำให้การปลูกผมแต่ละครั้ง ได้จำนวนกราฟผมไม่มากเท่าวิธี FUT และการทำศัลยกรมปลูกผมด้วยวิธีดังกล่าว ไม่ควรทำเกินครั้งล่ะ 3,000 กราฟ ซึ่งการทำแบบ FUT สามารถทำได้มากกว่าทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความตึงของหนังศีรษะบริเวณด้านหลังศีรษะ
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
- งดยากลุ่ม Aspirin และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- งดการใช้ยาที่มีผลกับความดันโลหิต
- งดการใช้วิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด
- งดการออกกำลังกายหักโหม
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- สำหรับทรงผมให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งจะแตกต่างกันในคนไข้แต่ละราย
- สระผมด้วยแชมพูฆ่าเชื้อที่จัดให้
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
วันผ่าตัดปลูกผม
- ควรสวมเสื้อที่กระดุมหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนกราฟผม
- สามารถรับประทานอาหารเช้าได้ปกติ ยกเว้น ชา กาแฟ
- รับประทานยาแก้อักเสบที่แพทย์จัดให้
- สามารถมาคนเดียวหรือมีผู้ติดตามมาด้วยก็ได้
การปฏิบัติหลังการปลูกผม
- สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิดเหมือนคนปกติ ไม่มีของแสลงใดๆทั้งสิ้น และสามารถทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างได้ตามปกติ
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทุกชนิดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังปลูกผม เพื่อป้องกันเลือดออก และการบวมที่ศีรษะ
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 เดือน เนื่องจากบุหรี่จะขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง และทำให้แผลหายช้าลง
- งดออกกำลังภายประมาณ 3-4 วัน งดว่ายน้ำ 2 สัปดาห์ งดกีฬาที่มีการกระทบกระแทก เช่น ฟุตบอล อย่างน้อย 1-2 เดือน
- ไม่ตากแดดเป็นเวลานานๆ ควรอยู่ในที่มีอากาศเย็นประมาณ 1 สัปดาห์หลังการปลูกผม
- สามารถสวมหมวกเพื่อปิดบังบริเวณที่ปลูกผมได้ทันทีหลังการปลูกผม
- หลังปลูกผมท่านสามารถอาบน้ำ ล้างหน้าได้ตามปกติ แต่ห้ามสระผม ให้มาสระผมที่คลินิกในวันรุ่งขึ้น
- สามารถสระผมได้ทุกวันด้วยแชมพูอ่อน ๆ โดยสัปดาห์แรกหลังการปลูกผม ควรใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นเล็กน้อยในการสระผม ทางคลินิกจะสาธิตและแนะนำวิธีสระผมให้ท่าน จนสามารถทำเองได้
- หลังการปลูกผม ผมที่ปลูกจะงอกยาวอย่างช้า ๆ ทุกวัน ไปประมาณ 1-2 เดือน จากนั้นก็จะเริ่มทยอยร่วงหลุดไป (ผมที่ปลูกอาจเริ่มร่วงตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังปลูกผม) ภาวะนี้เป็นภาวะปกติ เซลล์ผมที่ฝังไว้จะไม่หลุดตามเส้นผมไปด้วย แต่จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนในการสร้างเส้นผมให้ขึ้นมาใหม่
- อย่ากังวลหากพบว่าเส้นผมที่ปลูก ร่วงไปหลังการปลูกผม เพราะนี่คือภาวะปกติหลังปลูกการผมที่พบในคนไข้เกือบทุกราย
ภาวะแทรกซ้อน
- เลือดออกมากผิดปกติ
- เกิดการติดเชื้อบนหนังศีรษะ
- หนังศีรษะบวม
- มีรอยช้ำบริเวณรอบดวงตา
- มีแผลตกสะเก็ดหรือน้ำเหลืองที่บริเวณหนังศีรษะที่ทำการปลูกผม หรือบริเวณที่ผมถูกย้ายไปปลูกที่อื่น
- รู้สึกชาหรือไม่มีความรู้สึกบริเวณหนังศีรษะที่ทำการปลูกผม
- มีอาการคัน
- แผลเป็นบนหนังศีรษะจากการปลูกผม
- เกิดอาการอักเสบหรือการติดเชื้อที่ต่อมขุมขน (Folliculitis)
นอกจากนี้ยังอาจพบอาการผมร่วงที่ได้รับการปลูกถ่ายร่วงอย่างกะทันหัน ซึ่งเรียกว่า (Shock Loss) แต่จะเกิดขึ้นชั่วคราว เพราะหลังจากนั้นผมจะเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปแล้วผมยังไม่ขึ้นหรือมีอาการอักเสบ อาการติดเชื้อเกิดรุนแรงขึ้นควรจะรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
การรักษาผมบาง ผมร่วงอย่างถูกวิธี โดยการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะทำให้การรักษารวดเร็ว ตรงจุด และทำให้มีโอกาสที่ผมจะกลับมาหนา ดกดำ เหมือนดังเดิม แต่ทั้งนี้ควรเลือกคลินิกหรือสถานที่ได้มาตรฐานเท่านั้น